ในภาวะปกติคนเราใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงจึงจะรู้สึกว่าอยากฉี่ ขณะที่กำลังฉี่ ฉี่จะไหลสะดวก เป็นสายน้ำต่อเนื่อง มีสีเหลืองอ่อนใส กลิ่นอวลๆ ไม่ฉุน ปริมาณ 1-1.5 ลิตรต่อวัน ในภาวะไม่ปกติคุณสมบัติของฉี่จะเปลี่ยนแปรงไปเช่น ฉี่ที่ใส เปลี่ยนเป็น ขุ่น หรือมีตะกอน มีก้อนนิว มีหนอง มีฟอง ฉี่ที่มีสีเหลืองอ่อน เปลี่ยนเป็นสี่แดงน้ำล้างเนื้อ สีน้ำปลา สีน้ำโค้ก ฉี่ที่มีกลิ่นอวลๆไม่ฉุน เปลี่ยนเป็นเหม็นคาว เหม็นเน่า ฉุนเปรี้ยว ฉี่ที่ไหลสะดวก เปลี่ยนเป็นฉี่ไม่ออก ฉี่ขัด ฉี่ไม่สุด ฉี่ที่ไหลต่อเนื่อง เปลี่ยนเป็นฉี่กะปริบกะปรอย ฉี่เล็ด ฉี่ที่มีประมาณ 1-1.5 ลิตรต่อวัน เปลี่ยนเป็น ครึ่งแก้วต่อวัน หรือสิบลิตรต่อวัน ฉี่ที่กลั้นได้นาน 2-3 ชั่วโมง เปลี่ยนเป็นฉี่บ่อย ฉี่ทุก 10-15 นาทีหรือเปลี่ยนเป็นกลั้นฉี่ไว้นานเกินไป อาจเป็น 4-6 ชั่วโมงร่วมกับการปวดท้อง ปวดหลัง อาการเหล่านี้ เป็นสัญญาณอันตรายที่ดังขึ้น เพื่อเตือนให้รู้ว่าไปหาหมอเถอะ จะได้ตรวจฉี่อย่างระเอียด จำเพาะเจาะจง ถึงแม้ว่าจะต้องเสียเวลา ก็เพื่อจะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ตามโรคที่กำลังเป็นอยู่ ระยะหลังๆมานี้ พบว่าการตรวจฉี่นั้น ใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็รู้ผลแล้ว และฉี่ที่ใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะเท่านั้น แต่ไม่มีใครอยากให้ตรวจเท่าไหร่นัก เพราะเกรงว่าฉี่ของตัวเองจะมีสีสวยขึ้นจากสีเหลืองอ่อนกลายเป็นสีม่วง การมีฉี่ม่วงนั้น ทางตำรวจใช้เป็นข้อสันนิษฐานว่า อาจมีสารเสพติดในร่างกายของเจ้าของฉี่ ซึ่งเป็นการตรวจสอบเพียงเบื้องต้นเท่านั้น ฉี่จะต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเพิ่มเติมอีกต่อไป การตรวจฉี่ได้มีการพัฒนาอย่างมาก โดยใช้เวลาน้อยลงไปอีก เหลือแค่ 3 นาที และฉี่เพียง 1 หยดเท่านั้นก็ลุ้นผลกันเลย แต่ดูเหมือนว่าการรอคอยผล ภายในเวลา 3 นาทีจะยาวนานมาก มีความเงียบเข้าปกคลุม เป็นช่วงเวลาของความระทึกใจ ตื่นเต้น สำหรับเจ้าของฉี่ ที่กำลังลุ้นอยู่ว่า จะมีขีดปรากฎขึ้นในแผ่นแทบทดสอบหรือไม่ ถ้ามีขีดปรากฎขึ้นแสดงว่า ท้อง เจ้าของฉี่อาจตะโกน ร้องดีใจ ส่งเสียงดัง หรือตกใจเงียบงันเสียงสะอื้น ท่านที่มีลูกหลานอายุต่ำกว่า 5 ขวบ มักพบว่าเด็กๆฉี่รดที่นอนหรือกลั้นฉี่ไม่ได้ เช่น บอกว่าปวดฉี่ ปวดฉี่ จะไปห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันถึงฉี่ก็ออกมาเปียกกางเกงแล้ว บางท่านถึงกับโกรธ ดุด่าทุบตี จริงๆแล้วไม่ได้เป็นความผิดของเด็ก เนื่องด้วยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบนั้น ร่างกายและสมองที่ขวบคุมการฉี่ ยังพัฒนาไม่เติมที่ ปัญหาการฉี่รดที่นอน หรือกลั่นฉี่ไม่ได้ จะค่อยๆลดลงไปเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
จากตำราอายุรเวทโบราณของทั้ง จีน อินเดีย หรือของไทยเอง มีการบันทึกถึงเรื่องการดื่มฉี่ เพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่น ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ผิวหนังอักเสบ เลือดจางและกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ การดื่มฉี่จะต้องเป็นฉี่ตัวเองเท่านั้น โดยเป็นฉี่ที่ฉี่ตอนเช้าหลังตื่นนอน ดื่มทันที่ห้ามทิ้งไว้ เพราะจะมีเชื้อแบคทีเรียเติบโตขึ้นมา การดื่มฉี่นี้ ยังคงปรากฎจนถึงปัจจุบัน พบได้ทั้งในคนปกติ และคนป่วยโดยเฉพาะที่เป็นโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องดื่มฉี่นะค่ะ เพราะถ้าร่างกายเราปกติดี ก็ไม่จำเป็น มิหนำซ้ำ ฉี่อาจมีโรคต่างๆปะปนมา เช่น เชื้อหนอนใน จึงต้องระวัง แต่ถ้า หมดหนทางในการรักษาโรคที่เป็นอยู่ การดื่มฉี่อาจเป็นทางเลือกสุดท้าย ที่ดีที่สุดก็ได้ค่ะ