บะหมี่หวาน เมนูเพื่อสุขภาพ

บะหมี่หวาน

ส่วนผสม

บะหมี่เหลืองหรือ บะหมี่ไข่                                   1        ก้อน

เมล็ดบัว                                                                10-12 เมล็ด

พุทราจีน                                                               4        เมล็ด

เมล็ดแปะก๊วย                                                        6        เมล็ด

ถั่วแดงหลวง                                                         10      เมล็ด

น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี                                            4        ช้อนโต๊ะ

น้ำสะอาด                                                              1        ถ้วยตวง

วิธีทำ

  • ก่อนอื่นให้คุณนำถั่วแดงหลวง เมล็ดบัวมาแช่น้ำร้อนแช่สัก 5-6 ชั่วโมง จึงนำมาใช้ได้ ส่วนพุทราจีนไม่ต้องช่นานนักก็ได้ เพราะพุทราจะเปื่อยง่ายกว่า
  • นำส่วนผสมจากข้อแรก มาต้มในน้ำเดือดจนสุก แล้วช้อนขึ้นมาพักไว้ก่อน
  • จากนั้นนำบะหมี่มายีออก ให้สลัดแป้งที่เกาะบะหมี่ออกไปให้มากๆ เพราะแป้งส่วนนี้มีด่างมาก ซึ่งทำให้กลิ่นและรสเสีย นอกจากนี้ก็จะทำให้น้ำข้นไม่น่ากินด้วย
  • นำบะหมี่ลงไปต้ม พอสุกก็นำขึ้นมาพักไว้ก่อน
  • นำน้ำตาลทรายมาใส่ลงไปในน้ำเพื่อทำน้าเชื่อม เมื่อน้ำเชื่อมเริ่มเดือดให้ใส่เมล็ดบัว เมล็แปะก๊วย ถั่วแดงหลวง จากนั้นก็ต้มต่อสักพัก จึงค่อยนำมาเทในถ้วยที่มีบะหมี่รออยู่ หรือจะนำบะหมี่ลงไปต้มในน้ำเชื่อมด้วยก็จะทำให้ยิ่งหวานมากขึ้น

ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ

ในเมนูนี้มีอาหารที่ช่วยบำรุงสมองมากมายอย่างที่คุณคาดไม่ถึง เช่น บะหมี่ไข่ ที่มีส่วนผสมของไข่ซึ่งอุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อสมอง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเอป็นระบบ เมล็ดแปะก๊วยที่ช่วยบำรุงความจำโดยตรง เมล็ดบัวและถั่วแดงหลวงอันเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินบีรวม ซึ่งช่วยใหผ่อนคลายสลายความเคลียด ทำให้สมองที่เหน็ดเหนื่อยได้พักบ้าง

แม้แต่พุทราจีนที่แสนอร่อยก็มีประโยชน์คือช่วยให้ผ่อนคลายหายจากอาการเครียด ยิ่งถ้ากินเมนูนี้ก่อนนอนสักถ้วยเล็กๆ ก็จะช่วยให้หลับฝันดีได้ดีมาก และเมื่อหลับได้ดี ไม่มีหลับๆตื่นๆ ก็ถือเป็นการพักผ่อนสมองไปด้วย

เคล็ดลับสุดอร่อย

คุณสามารถเปลี่ยนส่วนผสมในบะหมี่หวานนี้ได้ โดยการใส่เกาลัด ลูกเกด หรือถั่วเขียว แทนพวกธัญพืชต่างๆ ในเมนูนี้ได้รับรองประโยชน์ไม่แพ้กัน และนอกจากนี้คุณอาจเปลี่ยนจากน้ำตาลทรายมาเป็นน้ำตาลทรายแดง ก็จะได้ราติที่ต่างออกไปมีความหอม หวานแบบเย็นๆ ไม่หวานจัด และสีสันก็จะออกสี น้ำตาลแดงน่ากินอีกด้วย

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *